ที่มา Dhamma
ประโยคเดียวนี้ “ให้มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”
ครอบคลุมสัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิเอาไว้แล้ว
ฝึกแค่นี้เอง ฝึกเล็กนิดเดียวเอง
ไม่ต้องเรียนอะไรมากมายเป็นตู้ๆ พระไตรปิฎกเยอะแยะมากมาย
เรียนแล้วไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เริ่มตรงที่บอกนี่
แล้วต่อไปเราจะได้สติขึ้นมา จะเห็นความจริงของจิต
จิตเดี๋ยวมันก็ไหลไปคิด เดี๋ยวมันก็ไหลไปเพ่ง เดี๋ยวมันก็รู้ สลับไปสลับมา
ต่อไปปัญญามันเกิด มันรู้ว่าจิตไหล
จิตนี้ไม่เที่ยง
จิตผู้รู้ก็ไม่เที่ยง จิตผู้คิดก็ไม่เที่ยง จิตผู้เพ่งก็ไม่เที่ยง
จิตผู้รู้ก็รักษาไม่ได้ เดี๋ยวเดียวก็ไหล
จิตผู้เพ่งก็ห้ามไม่ได้ มันจะเพ่ง
จิตผู้ไหลไปหลงไป จะห้ามไม่ให้เกิด ก็ห้ามไม่ได้ มันจะหลง
อันนี้เรียกว่าเห็น อนัตตา
หรือเราจะเห็นอนิจจังบ้าง เห็นอนัตตาของจิตบ้าง
ปัญญามันจะเกิดตรงที่เราสามารถเห็นอนิจจัง เห็นอนัตตา หรือเห็นทุกขังได้ เห็นไตรลักษณ์ได้
เรียกว่าเห็นความจริงของรูปนามกายใจ คือตัววิปัสสนากรรมฐาน
หลวงพ่อย่อวิปัสสนากรรมฐาน รวมทั้งการฝีกสมาธิ ทั้งฝึกวิปัสสนา ทั้งฝึกสมาธิ
รวบลงมาเหลืออยู่ในจุดเดียวที่จะช่วยพวกเราให้ง่ายขึ้น
ก็คือ ให้มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ไฟล์ 610224A แผ่นที่ ๗๕
ติดตามข่าวสาร อ่านพระธรรมคำสอน และดาวน์โหลดไฟล์เสียง (mp3) พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ และฆราวาสผู้ช่วยสอนได้ที่เว็บไซต์ทางการ www.dhamma.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น